Month: September 2017

6 บทเรียนน่ารู้จากวัฒนธรรมธุรกิจของชาวญี่ปุ่

มีนักธุรกิจหลายต่อหลายคนที่ถูกย้ายไปทำงานในดินแดนแห่งพระอาทิตย์ขึ้น แล้วกลับมาพร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความแปลกประหลาดของที่นั่น สำหรับเราชาวตะวันตกแล้ว วัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นยังคงเป็นเป็นปริศนาลึกลับที่ห่อหุ้มไว้ด้วยปริศนาลึกลับอีกที

 

แต่ภายใต้พื้นผิวที่น่างงงวยของมันนั้น ยังเต็มไปด้วยสังคมการทำงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอีกด้วย ดูได้จากความมั่นคงทางเศรษฐกิจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องทำข้อตกลงร่วมกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ญี่ปุ่นจะมีพิธีการและระเบียบที่เข้มงวดมาก สำหรับชาวต่างชาติ หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกพวกเราว่า “ไกจิน” ธรรมเนียมการทำธุรกิจของชาวญี่ปุ่นดูจะลึกซึ้งมาก และยึดมั่นในวัฒนธรรมประเพณีที่มีมานานหลายชั่วอายุคนของพวกเขาว่า พวกเขาไม่อาจทำงานให้ชาวตะวันตกได้

 

แต่ถ้ามองผ่านพิธีกรรมไปแล้ว คุณจะเห็นรูปแบบ แนวคิดที่คุ้มค่ากับการทำความเข้าใจมัน อย่างเช่นการเคารพผู้อาวุโส ผู้สูงอายุเป็นต้น ใส่ใจในรายละเอียด และความมุ่งมั่นทางศาสนาที่บอกให้พวกเขาสนุกให้เต็มที่หลังเลิกงาน

 

นี่คือบทเรียน ข้อน่ารู้ที่ได้เรียนรู้มาจากเพื่อนร่วมโลกแถบตะวันออกไกลที่เรานำมาฝากกัน

 

ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในไทย

งาน ภาษาญี่ปุ่น | CareerLink.co.th
https://www.careerlink.co.th/category/ภาษาญี่ปุ่น/154

หางานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย – JobSugoi.com
https://www.jobsugoi.com/

 

เคลือบนามบัตร

 

การประชุมกันในญี่ปุ่นจะเริ่มจากการแลกเปลี่ยนนามบัตรของซึ่งกันและกันอย่างเป็นทางการก่อน เป็นพิธีที่เรียกว่า เมอิชิ โคคัง เมื่อรับมาแล้ว นักธุรกิจต้องรับมาด้วยมือทั้งสองข้างของพวกเขา อ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป อ่านทวนข้อมูลในบัตรออกมาดังๆ จากนั้นก็วางลงไปในช่องเสียบบัตรหรือบนโต๊ะตรงหน้าเขา เพื่อจะได้พูดได้ถูกต้องเมื่อถึงคราวต้องพูดถึง เขาไม่เคยใส่มันลงไปในกระเป๋าเลย เพราะนั่นหมายถึงการไม่เคารพกันยังไงล่ะ

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

การแลกเปลี่ยนนามบัตรซึ่งกันและกันนี้ เป็นวิธีแสดงถึงการให้ความสำคัญของคนที่คุณคุยด้วย หรือกับคนที่คุณพบเจอ มันแสดงออกว่า คุณให้ความสำคัญกับการประชุมครั้งนี้ เช่นเดียวกับที่คุณจะให้ความสำคัญกับการประชุมครั้งต่อไปในอนาคต

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

คงจะดูตลก และงี่เง่าไม่น้อยถ้าคุณทำตามพิธีกรรม เมอิชิ แบบเต็มรูปแบบที่ประเทศบ้านเกิดคุณ หรือที่ออฟฟิศในอเมริกาเหนือ เมื่อคุณได้รับนามบัตรแล้ว อย่างไรก็ตาม ให้เวลากับมันหน่อยก็ดี พยายามซึมซับข้อมูลในนั้น ไม่เสียหายอะไรถ้าคุณจะจำชื่อคู่ติดต่อของคุณได้ และคุณจะถูกมองว่าหยาบคายทันที ถ้าคุณจับนามบัตรของพวกเขายัดลงไปในกระเป๋าเสื้ออย่างไว

 

คล้อยตามผู้หลักผู้ใหญ่

 

เป็นปกติอยู่แล้วในการประชุมที่ญี่ปุ่นที่จะให้คำแนะนำแรกเริ่มแก่ผู้ที่อาวุโสที่สุดในการประชุมก่อน เราอย่าไปแสดงท่าทางไม่เห็นด้วยกับเขา และคอยให้ความสนใจแก่เขาเป็นประจำ เมื่อโค้งคำนับ ซึ่งเป็นการทักทายขั้นพื้นฐานของชาวญี่ปุ่น ควรจะต้องโค้งให้ต่ำที่สุดตามความอาวุโสที่สุดของคนนั้นๆ

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

วัฒนธรรมการทำธุรกิจของชาวญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสในเรื่องของปัญญา และประสบการณ์ที่พวกเขาให้แก่บริษัท อายุ เท่ากับ ตำแหน่ง ในญี่ปุ่น ดังนั้น ใครที่แก่มากเท่าไร ความสำคัญก็มากขึ้นเท่านั้น

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

คล้อยตามไปกับผู้ที่อาวุโสกว่าคุณ หรือผู้ที่การงานของเขาสูงกว่าคุณ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผู้จัดการ ให้แสดงความรู้สึกเสียใจออกมาในที่ส่วนตัว และอย่าได้ถามถึงอำนาจงานของเขาต่อหน้าคนหมู่มาก รู้ไว้ว่าผู้คนได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเพราะทักษะและประสบการณ์ของพวกเขา

รู้เวลาปล่อยอารมณ์ให้ถูกกาลเทศะ

 

กระตุ้นแรงจูงใจด้วยคำขวัญ

 

นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายต่อหลายคนจะเริ่มต้นวันของพวกเขาด้วยการประชุมยามเช้าที่ซึ่งพนักงานจะเข้าแถวตอนเรียงกัน และสวดคำขวัญของบริษัท เพื่อสร้างแรงจูงใจและสำนึกรักบริษัท และเพื่อคอยย้ำถึงเป้าหมายของบริษัทแก่พวกพนักงาน

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

ดูอย่างผิวเผินแล้ว พิธีการนี้อาจดูเหมือนการปลูกฝังวัฒนธรรมอะไรบางอย่าง แต่ชาวญี่ปุ่นเปรียบเหมือนว่า ได้พูดคุยกับคนที่มีแรงบันดาลใจกันมากกว่า การเรียกขวัญ กำลังใจยามเช้าเปรียบได้กับ ให้พนักงานคอยนึกถึงเป้าหมายระยะยาวของบริษัทไว้ในหัว ซึ่งจะโดนบดบังจนมิดด้วยงานที่มหาศาลของพนักงานแต่ละคนในเวลาต่อมา

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

พึงระลึกกับตัวเองเสมอเมื่อคุณนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณว่า เราทำงานเพื่ออะไร อยู่เสมอ รีเฟรชเป้าหมายระยะยาวในใจของคุณ และตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีมในการไปให้ถึงเป้าหมายนั่นเอาไว้ คอยเขียนรายการคำขวัญของคุณ เพื่อที่คุณจะได้เอาขึ้นมาอ่านตอนที่คุณรู้สึกท้อ หรือหมดกำลังใจ

 

หน้านิ่งเข้าไว้

 

คุณจะไม่เคยเห็นหน้าตาที่นิ่งเฉยของใครที่ไหน เหมือนกับที่เห็นในออฟฟิศของญี่ปุ่นมาก่อนอย่างแน่นอน เว้นแต่การระเบิดหัวออกมาเป็นครั้งคราวของพวกเขา พนักงานที่นั่นจะเอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใดๆอยู่ตลอด โดยเฉพาะระหว่างการประชุม พวกเขาจะใช้น้ำเสียงโทนต่ำในการพูด และจะหลับตาอยู่บ่อยครั้งเมื่อต้องการเพ่งความสนใจไปที่ผู้พูด เหล่านี้เป็นอุปนิสัยที่ชาวตะวันตกเข้าใจกันผิดๆไปว่า เป็นสัญญาณของความเบื่อหน่าย

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

ชาวญี่ปุ่นจะมีความเคารพแก่สถานที่ทำงานของพวกเขามาก ไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน ยกเว้นการหยอดมุกล้อเลียนกันเล็กๆในช่วงพักเบรก แทบจะไม่มีการสัมผัสกันทางกายภาพใดๆในหมู่เพื่อนร่วมเลย และแน่นอนว่า ไม่มีการแทงข้างหลังกันอย่างแน่นอน

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

สำหรับเราแล้ว สถานที่ทำงานที่มีบรรยากาศมาคุ และเป็นทางการอยู่ตลอดเวลาทำให้เราเหมือนถูกกดขี่อยู่มากกว่า คุณไม่ต้องให้ค่าแก่ออฟฟิศของคุณถึงขนาดว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรอก แต่ไม่ใช่ว่าทำตัวเหมือนกับอยู่บ้านเพื่อนเลยก็ไม่ดี ลักษณะและการปฏิบัติงานที่เป็นมืออาชีพช่วยเพิ่มความเคารพในการทำงานและทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

ทำงานให้หนัก เล่นให้หนัก

หลังจากวันที่มีการเจรจากันอย่างดุเดือดผ่านพ้นไปแล้ว พนักงานชาวญี่ปุ่นก็เตรียมที่จะทิ้งตัว การไปเที่ยวบาร์หลังเลิกงานเป็นเรื่องปกติทั่วไป หากไม่ได้ยึดตามประเพณีนะ ถ้าหากว่าสถานที่ทำงานเต็มไปด้วยความเข้มงวดและหลักการต่างๆมากมายแล้ว บาร์เหล้านี่แหละจะเป็นที่ๆพนักงาน และนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นจะได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณสัตว์ป่าออกมา ที่ชื่นชอบกันตลอดกาลก็คือ บาร์คาราโอเกะ ที่ซึ่งทุกคนสามารถจะร่วมร้องเพลงไปกับนักร้องด้วยกันได้ แม้ว่านักร้องจะคุมโทนเสียงตัวเองไม่ได้เลยก็เถอะ นอกเหนือจากเป็นที่รักษาสมดุลกันระหว่าง การทำงาน และ การเล่น แล้ว ที่เที่ยวยามค่ำคืนยังเป็นจุดที่เชื่อมความสัมพันธ์กันระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน เสริมสร้างการทำงานเป็นทีมให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

ถือเป็นเรื่องสำคัญเลยว่า อย่าให้การงานมาครอบงำชีวิตของคุณ การพักผ่อนถือเป็นส่วนสำคัญของวันหนึ่งๆเลย มันช่วยปลดปล่อยความเครียดสะสม และคลายความวิตกกังวลให้แก่คุณ

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

ไม่เป็นไรถ้าหากคุณจะลืมนึกถึงเรื่องงานไปสักระยะหนึ่ง แม้กระทั่งตอนอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานก็เถอะ มีความสุขกับชั่วโมงแห่งความสุขนี้และไปร่วมงานเลี้ยงของออฟฟิศเสีย การทำตัวเข้ากับสังคมและเป็นกันเองกับเพื่อนร่วมงานของคุณนอกเวลางานจะช่วยให้คุณเป็นมนุษย์มากขึ้น

 

ใช้เส้นสายเป็นการรับรอง

เส้นสายถือเป็นสิ่งสำคัญในญี่ปุ่น และจะถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งในการเปิดการเจรจา การได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของผู้ที่มีอำนาจมาก จะทำให้คุณมีความสำคัญมากขึ้นในแวดวงอื่นๆ เป็นเรื่องปกติของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่จะจัดให้มีการประชุมเดี่ยวกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อขอการรับรองจากพวกเขา เป็นที่น่าประทับใจอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณได้รับการรับรองจากบุคคลที่มีตำแหน่งเดียวกันกับคนที่คุณกำลังติดต่อด้วย

สิ่งนี้สอนอะไรเรา:

การได้รับอนุมัติจากคนที่ประสบความสำเร็จ อาจทำให้เห็นถึงความอุสาหะ และความสามารถในการหากำไรเข้าบริษัทในตัวคุณ ชาวญี่ปุ่นจะรู้สึกผูกพัน และจะจงรักภักดีต่อการรับรองจากเพื่อนที่นับหน้าถือตากัน

เราจะปรับไปใช้ได้อย่างไร:

เราเรียกว่า “การอ้างชื่อ” ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่าเคารพสักเท่าไหร่ คุณไม่อยากจะเป็นคนขี้โกหกหรอก แต่ก็เถอะ วิธีนี้มันยังใช้ได้อยู่ สำหรับเรา มันเหมือนกับการขีดเส้นใต้ให้ ความสำคัญของเครือข่าย ทอดสะพานทุกที่ที่คุรไป และคนอื่นๆจะคิดถึงคุณ วันหนึ่ง คุณอาจจะได้รับการรับรอง ซึ่งอาจทำให้คุณได้งานในฝันเลยก็เป็นได้

นวนิยายญี่ปุ่นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจีน

ความสนใจของนักอ่านในจีน, ญี่ปุ่น บรรจบกันกลายเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น, ความตรึงเครียดบรรเทาลง

โตเกียว/ฉงชิ่ง, สาธารณะรัฐประชาชนจีน ถึงแม้ว่าจะมีความต่างกันในหลายๆแง่มุม คนจีนและคนญี่ปุ่นก็มีอารมณ์ความรู้สึกคล้ายกันอย่างชัดเจน

อีกอย่างหนึ่ง จะมีใครบ้างที่สามารถอธิบายถึงความสำเร็จของนวนิยายญี่ปุ่น “Miracles of the Namiya General Store” ที่ติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดในช่วงเดือน มกราคม-มิถุนายน บน เว็บไซต์ Amazon ของประเทศจีนไหม

อันดับที่สองและสามคือ “We Three” โดย หยาง เจียง และ “Homo Dues: A Brief History of Tomorrow” โดย ยูวาล โนอา ฮารารี่

“คนจีนมีความอยากรู้อยากเห็นสูงและความปรารถนาในสิ่งต่างๆจากต่างประเทศ” กล่าวโดยนักเขียนหนังสือชาวจีนคนหนึ่ง

“Miracles of the Namiya General Store” ผลงานเมื่อปี 2012 โดย เคโงะ ฮิกาชิโนะ อายุ 59 ปี ติดอันดับที่สองของหนังสือออนไลน์ที่ขายดีที่สุด เนื้อเรื่องกล่าวถึงร้านขายของชำร้างในพื้นที่รอบนอกของเมืองผู้เดินทางอันกว้างใหญ่ หน้าต่างบานเกล็ดถูกปิดตายหลังจากการจากไปของเจ้าของร้านเมื่อนานมาแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคงแวะไปที่ร้านอันว่างเปล่านั้น มันมีข่าวลือว่าที่ปรึกษาส่วนตัวถูกจัดหามาสำหรับตัวปัญหาที่ชอบส่งข้อความผ่านกล่องจดหมายตรงหน้าต่างบานเกล็ด

และมีการตอบกลับมาจากโลกอนาคต

“นวนิยายญี่ปุ่นพรรณนาถึงปัญหาต่างๆที่ชาวจีนกำลังประสบในขณะนี้ เช่น การศึกษาของเด็ก การมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันที่หายไป การทำงานที่หนักเกินไปและความเครียด” กล่าวโดย หยี เสียวหลี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาษาญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยเสฉวน

“ชาวจีนสามารถระบุตัวละครในนวนิยายญี่ปุ่นได้” หยี กล่าวเพิ่มเติม

รายได้โดยเฉลี่ยต่อหัวของสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ที่ 8,000 ดอลล่าห์สหรัฐ เทียบกับของประเทศญี่ปุ่นที่ 39,000 ดอลล่าห์สหรัฐ แต่มันสูงถึง 10,000 ดอลล่าห์สหรัฐในภูมิภาคใกล้ชายฝั่ง ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนเป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น

การกระชับมิตรทางการเมืองยังช่วยให้การเข้าถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นไปโดยง่าย มันไม่มีสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจอีกต่อไปแล้วเกี่ยวกับการที่สำนักพิมพ์ตีพิมพ์เรื่องที่เป็นญี่ปุ่นหรือร้านขายหนังสือวางขายหนังสือญี่ปุ่นบนชั้นวางของพวกเขา

สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเป็นแบบนี้เลยในปี 2010-12 เมื่อความตรึงเครียดแบบทวิภาคีถึงขีดสูงสุดในเรื่องของความขัดแย้งด้านดินแดนทะเลจีนตะวันออก และท่ามกลางการประท้วงข้ามชาติต่อต้านญี่ปุ่น

ผู้นำของทั้งสองประเทศ สี จิ้นผิง และ ชินโซ อาเบะ ได้พบกันทุกปีตั้งแต่ปี 2014 แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในหลายๆเรื่อง รวมถึงเรื่องที่ สาธารณัฐประชาชนจีนพยายามควบคุมทะเลจีนใต้ และความสัมพันธ์ของจีนระหว่างเกาหลีเหนือ

ที่ Sisyphe Park Books & Up Coffee ใน ฉงชิ่ง ตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน หนังสือญี่ปุ่นถูกกองสูงอยู่บนโต๊ะ “ในบรรดาหนังสือต่างชาติด้วยกันแล้ว หนังสือญี่ปุ่นขายดีที่สุด” พนักงานกล่าว

สำนักพิมพ์ในปักกิ่งที่ตีพิมพ์งานของ ฮิกาชิโนะ Thinkingdom Media ได้ตีพิมพ์ผลงานของ ฮิกาชิโนะ ไป 45 เรื่องตั้งแต่ปี 2009 และขายไปได้ทั้งหมด 16 ล้านเล่ม ในประเทศจีน “Miracles of the Namiya General Store” เรื่องเดียวก็ขายไปได้มากกว่า 4 ล้านเล่มแล้ว สำนักพิมพ์กล่าว

“ในตอนนี้ Thinkingdom Media ได้วางขายหนังสือญี่ปุ่นถึง 2,000 เล่ม รวมถึงนิยายภาพด้วย การจัดจำหน่ายหนังสือพวกนี้เติบโตถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี” กล่าวโดย จาง ลิง กรรมการบริษัทที่ถือสิทธิ์ในการตีพิมพ์

ตามที่ Dangdang.com กล่าว เว็บขายหนังสือออนไลน์ของจีน หนังสือญี่ปุ่น 12 เรื่อง ติดอันดับ 100 เมื่อปีที่แล้ว โดยมี 4 ผลงาน ของ ฮิกาชิโนะรวมอยู่ด้วย “Totto-Chan: The Little Girl at the Window” โดย เท็ตสึโกะ คุโรยานางิ “Baby Bear Picture Book” โดย โยโกะ ซาซากิ และ “A Compass to Fulfillment” โดย คาซุโอะ อินาโมริ

มัตสึริ, งานเทศกาลญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงต่างๆ

มันมีงานเทศกาลหรือที่เรียกว่า มัตสึริ (Matsuri) หลากหลายมากในญี่ปุ่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่งานเทศกาลทางศาสนาไปจนถึงงานเทศกาลการเก็บเกี่ยว คุณจะเจอกับสังคมคนท้องถิ่นเฉลิมฉลองกันในงานพวกนี้ งานเฉลิมฉลองบางงานได้รับการสนับสนุนโดยศาลเจ้าหรือวัดในพื้นที่นั้นๆ การจัดเตรียมงานเทศกาลนั้นเริ่มขึ้นเป็นหลายสัปดาห์ก่อนถึงวันงานและมีการออกแบบตกแต่งงานอย่างละเมียดละไม การเดินขบวนพาเหรดที่น่าตื่นตา เพลงพื้นบ้านและการเต้นรำ คืออีกสองสามตัวอย่างที่คุณจะได้เจอในหลายๆเมืองทั่วทั้งญี่ปุ่น

เทศกาลหิมะซัปโปะโระ, ฮ็อกไกโด

เทศกาลหิมะซัปโปะโระหรือ ซัปโปะโระ ยูกิ มัตสึริ เป็นงานแสดงยาวหนึ่งอาทิตย์ แสดงปติมากรรมหิมะขนาดใหญ่ น้ำแข็งที่ถูกแกะสลักเป็นร้อยๆอัน และมีการแสดงคอนเสิร์ตตลอดทั้งงานอีกด้วย

สถานที่: จัดงานบนพื้นที่สามส่วนคือ สวนสาธารณะโอโดริ ย่านการค้าซูซูกิโน และโดมในซัปโปะโระ

วันที่: 6 กุมภาพันธ์ ถึง 12 กุมภาพันธ์

เทศกาลอะโอโมริ เนบุตะ, อะโอโมริ

คุณจะเห็นโคมไฟแสงสีเนบุตะที่ทำจากกระดาษเปเปอร์มาเช่ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบจากโรงละครคาบูกิอันโด่งดัง มันยังมีตัวละครจากประวัติศาตร์และตัวละครที่ลึกลับซึ่งเป็นตัวดึงดูดความสนใจหลักๆของงานเทศกาลนี้ ร่วมไปกับขบวนโคมไฟด้วยเครื่องดนตรีฟลุตและกลองไทโกะ และนักเต้นอีกกว่าร้อยคนที่รู้จักในนาม ฮาเนโตะ (Haneto) ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมงานได้ตราบใดที่สวมใส่ชุดเต้นฮาเนโตะ และอย่าลืมเข้าไปร่วมวงกับนักเต้นขณะที่เฉลิมฉลองงานกันอยู่ด้วยล่ะ มันเป็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคโตโฮคุและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นล้านๆคนต่อปี

สถานที่: เมืองต่างๆในจังหวัดอะโอโมริ

วันที่: 2 – 7 สิงหาคมโดยประมาณ

การเข้าร่วมงาน: เดินทางจากโตเกียวโดยใช้สายรถไฟ JR Tohoku bullet train ไปยังสถานีชินอะโอโมริ เปลี่ยนเส้นทางจากรถไฟเป็นรถไฟ JR เพื่อไปยังสถานีอะโอโมริ

เทศกาลคันดะ, โตเกียว

เทศกาลคันดะเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวและเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ดีที่สุดในการเป็นสัญลักษณ์ของยุคเอโดะ มันถูกจัดในทุกๆปีเลขคี่ (ตัวอย่างเช่นปี 2015, 2017) เทศกาลคันดะคืองานเทศกาลของศาลเจ้า คันดะ เมียวจิน เพื่อเป็นเกียรติให้กับเทพเจ้า ไดโคคุเค็น (หนึ่งในเทพเจ้าทั้งเจ็ดแห่งโชคและสิ่งดีๆ) อีบิซุ (เทพเจ้าแห่งการประมงและโชคลาภ) และ ไทระ โนะ มาวาคาโดะ ขุนนางของศตวรรษที่ 10 ซึ่งถูกเคารพบูชาและยกย่องประหนึ่งเป็นเทพเจ้า ศาลเจ้าแบบเคลื่อนที่ได้ถูกพาเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อนำพาสิ่งดีๆและให้พรแก่ประชากรท้องที่ นอกจากนี้ยังมีนักดนตรี นักเต้น อีกเป็นร้อยๆ

สถานที่: ศาลเจ้า คันดะ เมียวจิน

วันที่: วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ใกล้วันที่ 15 พฤษภาคมที่สุด และทุกๆปีเลขคี่

งานเทศกาลแห่กลางคืน (ชิชิบุ โยมัตสุริ), ไซตามะ

ด้วยโคมไฟรื่นเริง ศาลเจ้า (Mikoshi) และการแสดงพลุไฟ เทศกาลงานกลางคืนชิชิบุมีขึ้นสำหรับศาลเจ้าชิชิบุและเป็นอีกหนึ่งเทศกาลลอยโคมลูกโป่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โคมถูกจุดไฟด้วยตะเกียงและถูกประดับด้วยสีสว่างมากมาย โคมไฟบางอันอาจกลายเป็นเวทีแสดงละครแบบคาบูกิและมีการแสดงละครนั้นตลอดเทศกาล เทศกาลจบลงด้วยโคมไฟทุกอันเรียงแถวกันที่ศาลากลางและตามมาด้วยการแสดงพลุอีกกว่าสองชั่วโมง

สถานที่: ศาลเจ้าชิชิบุ เมืองชิชิบุ จังหวัดไซตามะ จากสถานีอุเอโนะในโตเกียว ใช้เส้นทางรถไฟ JR ไปยังสถานีคุมะกายะ จากนั้นเปลี่ยนเส้นทางไปยังระบบรถไฟชิชิบุเพื่อไปยังสถานีชิชิบุ

วันที่: 2-3 เดือนธันวาคม

 

เทศกาลทากายามะ, กิฟุ

เทศกาลทาคายามะถูกจัดขึ้นในทุกๆฤดูใบไม้ผลิ (เป็นเทศกาลของศาลเจ้าฮิเอะ สวดภาวนาเพื่อการเก็บเกี่ยวที่ดี) และฤดูใบไม้ร่วง (เทศกาลของศาลเจ้าฮะจิมัน) มันเป็นเทศกาลที่มีโคมไฟที่สวยงามที่สุดเทียบเท่ากับงานเทศกาลกิออน และ ชิชิบุ โยมัตสุริ เทศกาลนี้เป็นเทศกาลดูโคมไฟที่สวยงามโดยมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 โดยโคมไฟแต่ละอันถูกตกแต่งอย่างสวยงามแสดงให้เห็นถึงงานฝีมือที่สุดยอดโดยศิลปินของเมืองกิดะ มันต้องเป็นที่จดจำไว้ว่าโคมไฟ (ยาไต) ถือว่าเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยรัฐบาลแห่งชาติ

สถานที่: เมืองทากายะมะ จังหวัดกิฟุ

วันที่: ในฤดูใบไม้ผลิ (วันที่ 14-15 เมษายน) และในฤดูใบไม้ร่วง (วันที่ 9-10 ตุลาคม)

เทศกาลทานาบาตะ, มิยากิ

ต้นกำเนิดของเทศกาลทานาบาตะคือการสวดภาวนาเพื่อการเก็บเกี่ยวที่ดี ต่อมาในฤดูใบ้ไม้ร่วงกลายมาจากพิธีชำระล้างของญี่ปุ่นในสมัยโบราณที่จัดขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม และเกี่ยวข้องกับเทศกาลอุบอน หลังจากการเฉลิมฉลองของการพบกันระหว่าง เทพเจ้าโอริฮิเมะ (เจ้าหญิงแห่งการถักทอ) และเทพเจ้าฮิโกโบชิ (จ่าฝูงของวัว)  จากจีนในศตวรรษที่ 8 เทศกาลทั้งสองนั้นผสมผสานรวมกันและเฉลิมฉลองเป็นเทศกาลหนึ่งเดียว เทศกาลทานาบาตะสมัยใหม่เป็นที่รู้กันว่ากลายมาจากเทศกาลดวงดาวแบบดั้งเดิมของจีน และเทศกาลนี้ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในสามเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ในแถบภูมิภาคโตโฮกุ สิ่งที่โดดเด่นหลักๆของเทศกาลนี้คือการประดับตกแต่งแบบทานาบาตะที่สวยงามและสีสันสดใส สามารถพบเจอได้ตลอดที่เซนไดและห้างสรรพสินค้าใกล้เคียง

สถานที่: เมืองเซนได จังหวัดมิยากิ ใกล้กับสถานีรถไฟ JR เซนได

วันที่: 6-8 สิงหาคม

 

เทศกาลกิออน, เกียวโต

เทศกาลกิออนคือเทศกาลที่จัดงานยาวทั้งเดือนของศาลเจ้ายาซากะ จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยดั้งเดิมนั้นเริ่มจัดขึ้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อกำจัดโรคระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วญี่ปุ่นในปี 869 สิ่งหลักๆของเทศกาลนี้คือขบวนโคมไฟที่ยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า ยามาโฮโกะ จุนโกะ (ถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติโดยองค์กร UNESCO) ขบวนโคมไฟเริ่มขึ้นในวันที่ 17 และ 24 เดือนกรกฎาคม บนถนน ชิโจ คาวารามาชิ และ ถนน โออิเกะ

สถานที่: บริเวณชิโจ คาราซุมาอิ

วันที่: ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม

เทศกาลอาโออิ, เกียวโต

มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือ เทศกาลคาโมะ มันเป็นเทศกาลสำหรับทั้งศาลเจ้าชิโมกาโมะและศาลเจ้าคามิกาโมะในเกียวโต ในปัจจุบันเทศกาลนี้เป็นที่รู้จักจากขบวนพาเหรดที่สวยสง่าด้วยผู้ร่วมขบวนที่แต่งตัวในชุดคลาสสิคในยุคสมัยเฮอัน

สถานที่: เกียวโต

การเข้าร่วมงาน: ขบวนพาเหรดแยกตัวออกจากพระราชวังจักรพรรดิ ผ่านทางศาลเจ้าชิโม กาโมะและไปสิ้นสุดที่ศาลเจ้าคามิกาโมะ

วันที่: วันที่ 15 เดือนพฤษภาคม

 

เทศกาลเท็นชิน, โอซาก้า

เทศกาลเท็นชินเป็นเทศกาลที่ใหญ่และเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มันเป็นเทศกาลของศาลเจ้าเท็นมันกุในโอซาก้าและเป็นเทศกาลที่ถวายเครื่องบรรณาการแก่ ซุกาวาระ โนะ มิชิซาเนะ (เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้และศิลปะ) เทศกาลนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือขบวนพาเหรดภาคพื้นดินซึ่งเข้าร่วมโดยคนท้องที่เป็นพันๆคนรวมถึงมือกลอง นักเต้น และนักแสดงที่สวมใส่ชุดพื้นเมือง ถูกจัดขึ้นบนสถานที่บริเวณแม่น้ำโอกาว่า ส่วนที่สองในตอนกลางคืน ผู้เข้าร่วมและศาลเจ้าแบบเคลื่อนที่ได้จะย้ายไปที่เรือเป็นขบวนทางน้ำและมีการแสดงพลุ

สถานที่: ศาลเจ้าโอซาก้า เท็นมันกุ ใกล้กับสถานีโอซาก้า เท็นมันกุ

วันที่: 24-25 กรกฎาคม

เทศกาลนาดะ โนะ เค็นคะ, เฮียวโกะ

เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเทศกาลแห่งการต่อสู้และเป็นหนึ่งในเทศกาลที่โด่งดังและดุดันที่สุดในญี่ปุ่น โคมไฟยาไตเป็นสัญลักษณ์ทั้งเจ็ดเขตของฮิเมจิมารวมตัวกันและเคารพบูชากันที่ศาลเจ้ามัตซึบาระ ฮาชิมัน ร่วมโดยขบวนเดินเท้า ดนตรี และการแสดงชุดสีสันสดใส ในวันที่สอง มิโกชิ หรือ ศาลเจ้าเคลื่อนที่ได้ขนาดใหญ่ถูกพาเคลื่อนออกมาโดยตัวแทนของแต่ละเขต (เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้) ตัวแทนเหล่านั้นเข้าสู่ลานประลองและเริ่มต่อสู้กัน มันมีกลุ่มคนเป็นพันๆมารวมตัวกันบนเนินเขาเพื่อเป็นสักขีพยานในงานครั้งนี้ มีความเชื่อกันว่าเมื่อผ่านการกระทำตามหลักศาสนาครั้งนี้ หมู่บ้านที่เข้าร่วมด้วยจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้าเพื่อการเก็บเกี่ยวและสิ่งที่ดี

สถานที่: ภูเขาโอตาบิและศาลเจ้ามัตซึบาระ ฮาจิมัน

การเข้าร่วม: จากสถานีฮิเมจิ โดยสารรถไฟฟ้าไปยังสถานีชิระฮะมะโนมิยะหรือสถานี เมกะ เดินเท้าราวๆ 10-15 นาทีไปยังศาลเจ้าหรือภูเขาโอตาบิ

วันที่: 14-15 ตุลาคม

 

เทศกาลไซไดจิ ไอยู (ฮาดากะ มันสึริ), โอกายาม่า

ไซไดจิ ไอยู มัตสึริ หรือรู้จักอีกชื่อหนึ่งคือ ฮาดากะ มัตสึริ คือหนึ่งในสามเทศกาลที่พิศดารที่สุดในญี่ปุ่นและมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 500 ปี

ผู้ชายราวๆ 10,000 คนนุ่งแค่ผ้าเตี่ยวฟุนโดชิแบบดั้งเดิม ชำละล้างร่างกายด้วยน้ำเย็นๆ ก่อนที่จะมุ่งมั่นฝ่าฟันกันแย่งตะเกียบศักดิ์สิทธิ์ (ชินจิ) ที่ถูกโยนลงมาจากข้างบนวัด ใครก็ตามที่ได้ตะเกียบศักดิ์สิทธิ์ไปจะได้รับการนับถือว่าเป็นคนที่โชคดี และได้รับการอวยพรให้โชคดีและมีแต่ความสุขตลอดทั้งปี

สถานที่: วัดไซไดจิ, โอกายาม่า

การเข้าร่วม: เดินเท้าจากสถานีรถไฟ JR ไซไดจิ

วันที่: วันเสาร์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์

เทศกาลอาวะ โอโดริ, โทกุชิมะ

เทศกาลเต้นรำสำหรับการกลับมาของวิญญารบรรพบุรษ อาวะ โอโดริเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยทั่วประเทศด้วยนักเต้นกว่าร้อยคน ซึ่งเรียกว่า เร็น (Ren) แข่งขันกันแสดงการเต้น เทศกาลนั้นมีสีสันสวยงาม เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ดนตรีที่เล่นกันสดๆ และยังมีนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมด้วย สิ่งดึงดูดความสนใจหลักๆเริ่มต้นที่เวลา 18:00 เมื่อกลุ่มนักเต้นเริ่มทำการแสดงในหลายๆส่วนของเมืองโทกุชิม่าจนถึงเวลา 22:30 มีด้วยกันเจ็ดเวทีตั้งอยู่โดยรอบพื้นที่เทศกาล โดยมีด้วยกันสองตัวเลือกคือ ที่นั่งที่สำรองไว้ (โดยมีค่าบริการที่ไม่แพงมาก) หรือ ที่นั่งปกติที่ไม่ต้องเสียค่าบริการ

สถานที่: ใกล้กับสถานีรถไฟ JR โทกุชิมะ รายละเอียดเพิ่มเติมที่

การเข้าร่วมงาน: เดินเท้าแค่สิบนาทีจากสถานีรถไฟ JR ไซไดจิ

วันที่: วันที่ 12-15 สิงหาคม

เทศกาลฮากาตะ กิออน ยามากาสะ, ฟุกุโอกะ

เทศกาลฮากาตะ กิออน ยามากาสะ คือพิธีกรรมทางศาสนาชินโตที่อุทิศให้กับศาลเจ้าคุชิดะ ศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ปกครองของฮากาตะ และเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของคิวชู เป็นที่เชื่อกันว่าเทศกาลนี้ได้พัฒนามาจากตำนานในยุคศตวรรษที่ 12 ว่านักบวชศาสนาพุทธถูกแบกโดยผู้คนในเมือง พรมน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อขจัดโรคภัยที่ระบาดทั่วเมือง มันถูกอ้างอิงว่าเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมซึ่งจับต้องไม่ได้ที่สำคัญพร้อมด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมาและประเพณี มีโคมไฟ (ยามากาสะ) ด้วยกันสองแบบที่ถูกใช้ในเทศกาลนี้ คือ กาซาริยามะ (โคมไฟตกแต่ง) และ กากิยามะ (โคมไฟลอย) โคมไฟเล่านี้ถูกทำขึ้นโดยย่านที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกันในฟุกุโอกะ สิ่งที่โดนเด่นของเทศกาลนี้คือในตอนเช้าตรู่ของวันที่ 15 กรกฎาคม เมื่อทีม (นากาเระ) ทั้งเจ็ดทีมจากเจ็ดพื้นที่ในฮากาตะมารวมตัวกันพร้อมด้วยโคมไฟกากิยามะที่ศาลเจ้าคุชิดะ จินจะ และแข่งกันแบกโคมไฟบนไหล่

สถานที่: ศาลเจ้าคุชิดะ จินจะ, ฮากาตะ, ฟุกุโอกะ

วันที่: ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ของเดือนกรกฎาคม

เทศกาลคารัตสึ คุนชิ, ซากะ

เทศกาลคารัตสึ คุนชิ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในฤดูไม้ใบร่วงของศาลเจ้าคารัตสึ คุนชิ ซึ่งมีโคมไฟ (Hikiyama) ขนาดใหญ่ทั้ง 14 อัน ที่ถูกทำจากกระดาษวาชินับร้อยๆแผ่น ผ้าลินิน และไม้ และถูกปกคลุมด้วยน้ำมันขัดเงาหลากหลายแบบ เสร็จสิ้นขั้นตอนการทำด้วยใบไม้ทองใบไม้เงิน มันเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมพื้นเมืองซึ่งจับต้องไม่ได้ที่สำคัญซึ่งถูกจัดตั้งโดยรัฐบาลญี่ปุ่น  มันเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากในคิวชูที่รวบรวมจินตนาการของผู้ชมเป็นจำนวนมากและมีจำนวนผู้เข้าร่วมที่เยอะมากเช่นกัน จุดเด่นของเทศกาลนี้คือ โอตาบิโช ชินโกะ ถูกจัดขึ้นในวันที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน วันที่โคมไฟ 14 อันถูกพาถูกเดินขบวนและถูกลากไปตลอดทั่วทั้งเมือง

วันที่: 2 ถึง 4 เดือนพฤศจิกายน

อาหารพื้นเมืองต่างๆของญี่ปุ่น

ทั้งสุกี้ยากี้หรือที่แปลกใหม่หน่อยก็คือซูชิต่างก็เป็นที่รู้จักในตะวันตกเหมือนกัน อาหารญี่ปุ่นเริ่มได้รับความนิยมชมชอบมากขึ้นในหลายปีที่ผ่านมานี้จากทั่วโลก นักท่องเที่ยวหลายคนที่มาเที่ยวที่ญี่ปุ่นต่างต้องได้ชิมความเพลิดเพลินในการรับประทานปลาดิบหรือกุ้งทอด แต่นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครั้งแรกจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้เตรียมพร้อมสำหรับความหลากหลายและความอร่อยของอาหารพื้นเมืองญี่ปุ่น อาหารการกินในญี่ปุ่นคือประสบการณ์ที่สนุกและน่าจดจำไปอีกชั่วชีวิต

ร้านอาหารญี่ปุ่น ในกรุงเทพมหานคร (กทม.)

สุกี้ยากี้

สุกี้ยากี้ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะด้วยเนื้อวัวสไลด์บางๆพร้อมกับผัก เต้าหู้ และวุ้นเส้น

เท็มปุระ

เท็มปุระคือของทอดด้วยน้ำมันพืชหลังจากที่ชุบด้วยการผสมระหว่างไข่ น้ำ และแป้งสาลี ในบรรดาวัตถุดิบที่ใช้ทอดก็มี กุ้ง ปลาตามฤดูกาลและผักต่างๆ

ซูชิ

ซูชิคืออาหารทะเลดิบชิ้นเล็กๆวางบนก้อนข้าวที่ชุบด้วยน้ำส้มสายชู วัตถุดิบโดยทั่วไปก็คือ ทูน่า ปลาหมึกและกุ้ง แตงกวา หัวไชเท้าดองและไข่หวานก็ยังใช้เป็นวัตถุดิบอีกด้วย

ซาสิมิ

ซาสิมิคือเนื้อปลาหั่นบางๆรับประทานคู่กับซอสถั่วเหลือง

ไคเซกิ เรียวริ

ไคเซกิ เรียวริได้รับการยกย่องว่าเป็นความละเอียดประณีตทางอาหารที่เยี่ยมยอด หลักๆประกอบไปด้วยผักและปลาต่างๆและมีสาหร่ายและเห็ดตามฤดูกาล อาหารนั้นถูกจัดวางตามแต่รสชาติที่พิเศษของมัน

ยากิโทริ

ยากิโทริทำจากเนื้อไก่ชิ้นเล็กๆ ตับ และผัก เสียบด้วยไม้ไผ่และถูกเผาด้วยถ่านร้อนๆ

ทงคัตสึ

ทงคัตสึคือหมูทอดชิ้นบางๆที่นำไปคลุกกับเกล็ดขนมปัง

ชาบู-ชาบู

ชาบู-ชาบูคือเนื้อสันใน เนื้อวัวหั่นบางๆที่ถูกคีบด้วยตะเกียบและพลิกไปมาในหม้อน้ำเดือดๆ หลังจากนั้นจิ้มในซอสก่อนจะถูกกิน

โชบะและอุด้ง

โซบะและอุด้งเป็นอาหารเส้นของญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง โซบะทำจากเมล็ดพืชขนาดเล็กสีเข้ม ส่วนอุด้งทำจากแป้งสาลี ทั้งสองถูกเสิร์ฟไม่ว่าจะเป็นซุปหรือจิ้มในซอสและมีให้เลือกมากเป็นร้อยๆรสชาติ

10 หนังสือที่สอนเด็กๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น

วัฒนธรรมประเพณีญี่ปุ่นทำให้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกลุ่มหลงญี่ปุ่น มันไม่สำคัญว่าจะเป็นวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมหรือวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย แต่กระนั้นวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมญี่ปุ่นคือปัจจัยหลักๆที่จะรู้จักวัฒนธรรมเก่าๆย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อนหน้านี้ วันนี้ผมได้นำหนังสือเด็กทั้ง 10 เล่มที่น่าสนใจที่ช่วยสอนพวกเด็กๆให้รู้จักกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น หนังสือพวกนั้นถูกวาดเขียนและตกแต่งด้วยภาพที่มีสีสันและข้อเท็จจริงที่น่าเพลิดเพลิน เด็กๆในทุกช่วงอายุจะอยากอ่านและจะรู้จักวัฒนธรรมต่างๆได้จากการอ่านหนังสือพวกนี้ ผมมั่นใจว่าคุณอาจจะอยากเซอร์ไพรส์เด็กๆด้วยการให้หนังสือเหล่านี้เป็นของขวัญ

หนังสือเหล่านี้สามารถสอนเด็กๆถึงเรื่อง วรรณคดีญี่ปุ่น, เทศกาล, สวน, สถาปัตยกรรม, กีฬา, อาหาร, การท่องเที่ยว, ขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม, ศาสนา, ผู้คน, เกอิชา, ซามูไร, ประวัติศาสตร์, ภาษา, สังคมบ้านเมือง, ดอกซากุระบาน, ศิลปะ, อะนิเมะและมังงะ มันเป็นหนทางที่ง่ายสุดๆที่จะสอนเด็กๆถึงเรื่องเหล่านั้นโดยมีหนังสือเหล่านี้เป็นตัวช่วย พวกคุณบางคนอาจจะกำลังหาหนังสือสักเล่มเพื่อสอนเด็กๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น นี่ไง! ลองเลือกมาสักเล่มและทำให้เด็กๆมีความสุขสิ

All About Japan: Stories, Songs, Crafts and More

ในญี่ปุ่น เด็กๆทุกคนจะได้เรียนรู้การพับกระดาษโดยพื้นฐานหรือที่เรียกว่า โอริกามิ (Origami) รวมทั้งการประดิดประดอยอย่างง่ายๆที่โรงเรียน หนังสือ All About Japan คือแหล่งข้อมูลเพื่อทำความคุ้นชินกับวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือคู่มือเกี่ยวกับวัฒนธรรมในญี่ปุ่นสำหรับเด็กๆที่มีเนื้อหาครอบคลุม เรื่องราวของหนังสือคือ มีเด็กสองคนเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสอนคุณเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่คุนยังไม่คุ้นเคยในสังคมของคุณ ทั้งการใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่น, ครอบครัว, บ้าน, โรงเรียน, วันหยุด, สถานที่ท่องเที่ยว และอีกมากมาย คุณยังสามารถรู้ได้ด้วยว่าคนญี่ปุ่นเฉลิมฉลองกันอย่างไรในเทศกาล ฮานามิ มัตสึริ หรือเทศกาลดอกซากุระบาน ซื้อเลย เด็กๆจะได้รู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีอยู่อย่างหลากหลาย แนะนำเป็นอย่างมาก!

A Treasury of Japanese Folktales: Bilingual English and Japanese Edition

เรียกได้ว่ามันเป็นสมบัติของเด็กนักเรียนทั้งในประเทศญี่ปุ่นและนอกประเทศเนื่องจากมันมีสองฉบับภาษา (อังกฤษและญี่ปุ่น) ผู้ที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่และกำลังเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นจะเห็นว่ามันเป็นประโยชน์มาก อีกด้านหนึ่ง เด็กนักเรียนญี่ปุ่นก็สามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษได้อีกด้วย หนังสือประกอบไปด้วยตำนานและเทพนิยายญี่ปุ่นชิ้นเอกอันโด่งดังที่สุดทั้งหมด 12 เรื่อง แต่ละเรื่องมีเรื่องราวเฉพาะตัวเพื่อเรียนรู้จากการพัฒนาทัศนคติในแง่ดีและบุคลิกภาพ มันเป็นตัวเลือกที่ดีนะสำหรับเด็กๆที่จะอ่านก่อนนอน

I Live in Tokyo

I Live in Tokyo เป็นหนังสือที่มีเรื่องราวยอดเยี่ยมกับภาพประกอบสีสันชวนอ่าน เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเด็กหญิงตัวเล็กๆน่ารักวัย 7 ปี ที่ชื่อว่า มิมิโกะ และเธออาศัยอยู่ในเมืองโตเกียวมหัศจรรย์ เธออธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับเทศกาลที่ผู้คนเฉลิมฉลองกัน อาหารที่พวกเขากิน ชุดที่พวกเขาสวมใส่ สถานที่ที่พวกเขามักไปกัน และอื่นๆอีกเยอะ เธอเล่าทีละเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำและเฉลิมฉลองกันเดือนต่อเดือน ผมคิดว่าถ้าคุณกำลังหาของขวัญที่น่ารักสักอย่างแก่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ถ้างั้นก็ซื้อเรื่องนี้ไปเลย มันเป็นตัวเลือกที่วิเศษมาก

My Awesome Japan Adventure: A Dairy about the Best 4 Months Ever!

การใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียวเป็นเดือนๆสามารถช่วยให้คุณได้รับความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีญี่ปุ่นได้ ในหนังสือเล่มนี้ คุณจะได้อ่านเรื่องราวของเด็กนักเรียนป. 5 ที่มาอยู่ในญี่ปุ่นและใช้เวลาทั้งสี่เดือนอันสนุกครื้นเครงกับครอบครัวญี่ปุ่นในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาเป็นเด็กที่ฉลาดและจดบันทึกทุกสิ่งอย่างที่เขาได้ไปผจญภัยมาลงในสมุดไดอารี่ส่วนตัวของเขาเพื่อเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังเมื่อเขากลับบ้าน เขาได้ไปแวะเที่ยวสถานที่ทางประวัติศาสตร์, กินอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม, เรียนรู้การใช้แปรงวาดภาพ, เรียนรู้ศิลปะของการโค้งคำนับ, ศาสนาชินโต รวมถึง โอริกามิ, การเก็บเกี่ยวข้าว, การทำข้าวปั้น, ศิลปะการต่อสู้, ภาษา เป็นต้น เด็กๆจะมีทางเลือกอันมากมายที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นและวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่นได้จากหนังสือเล่มนี้

Let’s Learn About JAPAN: Activity and Coloring Book

นี่คือสมุดภาพระบายสีเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ดีที่สุด มันน่าสนุกนะที่ได้ระบายสีตามแต่ละอย่างในหนังสือ นี้เป็นสมุดภาพระบายสีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เด็กๆเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ญี่ปุ่น, เทศกาล, อาหาร, การประดิษฐ์, ศิลปะ, กีฬา และผู้คน ภาพประกอบมันเจ๋งมากและถูกแนะนำเพื่อให้ความบันเทิงแก่เด็กเป็นอย่างมาก

My First Book of Japanese Words: An ABC Rhyming Book

ถ้าคุณเป็นคนญี่ปุ่น แล้วบังเอิญแต่งงานกับคนชาติอื่น อาศัยอยู่คนละซีกโลก และอยากจะเริ่มฝึกภาษาญี่ปุ่นขั้นพื้นฐานให้กับลูกๆของคุณแล้วล่ะก็ หนังสือนี้เหมาะกับคุณยิ่ง ถือได้ว่าเป็นยาชั้นดีในการเริ่มเรียนภาษาให้ก้าวหน้าไปทีละขั้นแก่เด็กๆ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นวิธีที่สนุกในการเรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานของญี่ปุ่นให้แก่เด็กๆ หรือถ้าคุณไปสอนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนแล้วล่ะก็ ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ไปประกอบการสอนของคุณดู แนะนำเล่มนี้เลยจริงๆ

Japanese Children’s Favorite Stories: Anniversary Edition

เห็นเล่มนี้แล้ว ผมนี่หวนไห้ถึงอดีตเลย มันเป็นหนังสือเด็กที่อ่านติดมาก เนื้อกระดาษก็ดีเช่นเดียวกัน ถ้าคุณมีเล่มเดิมอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปขวนขวายหาฉบับพิมพ์ใหม่นี่ก็ได้ จำได้ว่ามีหลายเรื่องเลยที่ผมโปรดปรานมาก แต่ผมบอกได้ไม่หมดหรอกนะ เพราะผมจำไม่ได้นั่นเอง ทั้งเนื้อเรื่องและภาพประกอบนั้น ทั้งน่ารักและสวยงามมาก ในเล่มนี้ ทุกๆตัวละครและเนื้อเรื่องนั้นถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างชาญฉลาด คุณจะต้องตกหลุมรักตัวละครในเรื่องอย่างแน่นอน พนันได้เลย คุณสามารถหาอ่านนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่นคลาสสิคที่ดีที่สุดจากเล่มนี้ได้เลย เรื่องราวภายในเล่มเป็นการจินตนาการเต็มรูปแบบ เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน โครงเรื่องน่าสนใจ เสริมทัพด้วยภาพประกอบสุดทึ่ง ยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้งดงามมากขึ้น คุณควรหามาสะสมไว้ก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไป

Japanese Traditions: Rice Cakes, Cherry Blossoms and Matsuri: A Year of Seasonal Japanese Festivities

เดือนธันวาคมของทุกปีจะมีอะไรรออยู่นะ? คุณน่าจะรู้นะ แต่พวกเด็กๆล่ะ? รู้กันรึเปล่า? หนังสือรวมประเพณีพื้นบ้านของญี่ปุ่นสุดงามนี้ได้บรรยายเรื่องราว ความเป็นมาของประเพณีต่างๆนี้ไว้ได้อย่างงดงาม เด็กๆทุกเพศทุกวัยน่าจะชื่นชอบ และสัมผัสไปกับประสบการณ์ของวัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยการอ่านหนังสือเล่มนี้ พร้อมดูภาพประกอบสุดเทพไปด้วย ประเทศญี่ปุ่นเองก็เป็นที่รู้จักในเรื่องของการเป็นเจ้าภาพจัดงานประเพณีประจำปีต่างๆร่วมร้อยกว่าประเพณี นอกเหนือจากเรื่องประเพณี เกร็ดน่ารู้แล้ว คุณสามารถเรียนรู้ภาษาของเขา ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น วันชาติในแต่งละวัน งานเตรียมขึ้นปีใหม่ อาหาร และอื่นๆอีกมากมาย ผมขอแนะนำหนังสือเล่มนี้อย่างยิ่งยวด ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือที่พูดถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่น

Japanese Celebration: Cherry Blossoms, Lanterns and star!

นี่เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ให้ข้อมูลสำคัญๆเกี่ยวกับงานรื่นเริงของญี่ปุ่น อ่านเข้าใจได้ง่าย พร้อมภาพประกอบสวยๆ สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ชีวิตที่ปราศจากเทศกาลต่างๆถือเป็นชีวิตที่น่าเบื่อหน่าย พวกเขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น คุณจะได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับงานฉลองปีใหม่ ประกอบไปด้วยของตกแต่งบ้านต่างๆ อาหารและวิธีการเคารพบูชาศาลเจ้า และวิหารในวันนั้น ไม่เพียงแต่วันขึ้นปีใหม่เท่านั้น ภายในเล่มยังมีข้อมูลของวันสำคัญอื่นๆอีกด้วย เช่นวันวิสาขบูชา วันเด็ก วันคริสต์มาส เทศกาลในหน้าร้อน ฤดูดอกซากุระเบ่งบาน เทศกาลตุ๊กตา และอื่นๆอีกมากมาย หนังสือมันให้ความสนุกแก่เราอีก ด้วยการใส่เกร็ดน่ารู้ของแต่ละเทศกาลให้อ่านเสริมความรู้กันอีกด้วย ผมคิดว่า ตุ๊กตาฮินะที่ทำจากกระดาษน่าจะเป็นที่ถูกใจเหล่าเด็กๆนะ คอนเฟิร์มว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นขอขวัญชั้นเยี่ยมให้กับผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่น

Life in Old Japan Coloring Book

คุณคิดยังไงเกี่ยวกับญี่ปุ่นยุคโบราณ? มันดึงดูดคุณไหม? ถ้าใช่ จัดหนังสือเล่มนี้โดยพลันแล้วไปทำให้เพื่อนประหลาดใจด้วยความรู้แน่นปึกจากเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยภาพวาดสวยงาม ที่มีทั้งภาพซามูไร ตึกสถาปัตย์ต่างๆ ถนนหลักของเมืองต่างๆในญี่ปุ่น พิธีชงชา เครื่องแต่งกาย และชีวิตประจำวัน หากคุณได้เริ่มอ่านแล้วล่ะก็ คุณจะเลิกระบาย แต่งแต้มสีให้กับภาพต่างๆในเล่มไม่ได้เลย หนังสือภาพระบายสีนี้จะช่วยให้ความรู้เรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นและประวัติศาสตร์แก่เด็กๆ ให้เด็กๆได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการระบายสี และในที่สุดแล้ว เด็กๆก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวที่น่าสนใจในหนังสือไปพร้อมกับระบายสีด้วยกัน

คุณสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆโดยปล่อยพวกเขาอ่านหนังสือที่สอนพวกเขาให้เห็นค่าของวัฒนธรรม และประเพณีจากประเทศอื่นด้วย เด็กวันนี้ คืออนาคตของชาติที่จะช่วยผลักดันโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้น เสริมสร้างสภาพแวดล้อมอันสงบสุข การอ่านคือชีวิตของฉัน บางครั้งฉันก็ลองอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมอเมริกัน จีน เกาหลี อินเดีย รัสเซีย และไทย ดังนั้นแล้ว ฉันหวังว่า คุณทั้งหลาย จะคอยเป็นแรงส่งให้ลูกๆหลานๆของพวกคุณได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเราบ้าง ขอบคุณ