7 สิ่งในญี่ปุ่นที่สามารถสอนคุณเรื่องของการมีสุขภาพที่ดี และอายุยืนได้

คุณกำลังมองหาหนทางในการมีอายุที่ยืนยาว และสุขภาพดีด้วยอยู่ใช่ไหม? ง่ายมาก แค่มองหามันในแถบตะวันออก

ญี่ปุ่น ดินแดนที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์มากมาย เช่นงานภาพของจิตรกรมือเยี่ยม โฮกุไซ สัตว์ประหลาดผีเสื้อผู้พิทักษ์อย่างมอธร่า แลขนมขบเคี้ยวรูปแท่งสุดอร่อยอย่าง ป็อกกี้ เป็นที่กล่าวขานจากหลายต่อหลายคนว่า ญี่ปุ่นนี่ สามาถให้ลายแทงสู่การมีสุขภาพที่ดีได้ ไม่เพียงแต่กิจวัตรประจำของชายหญิงชาวญี่ปุ่น ที่ติดอันดับกิจวัตรที่ดีต่อสุขภาพในช่วงชีวิตหนึ่ง แต่ยังมีการศึกษาจากองค์การอนามัยโลกมาสนับสนุนอีกด้วยว่า ล่าสุดผู้หญิงชาวญี่ปุ่นจะมีอายุขัยเฉลี่ย 87.0 ปีอีกด้วย

และมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับยีนในร่างกายด้วย เราได้ร่วมทีมกับเอดนาร์ เพื่อตรวจสอบ ไขความลับของวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่เรื่องสาหร่ายในทะเลไปจนถึงการปีนเขาไปสู่วิถีเซน

พวกเขาให้ค่าว่า อาหารทะเลนั้นถือเป็นการไดเอ็ท

ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบปลาดิบกันมาก ตามรายงานของ สถาบันประมงทะเลแห่งชาติเมื่อปีที่แล้ว  ว่า การบริโภคอาหารทะเลในชาวญี่ปุ่นมากถึง 55.7 กิโลกรัมต่อหัว (สหรัฐบริโภคกันแค่ 24.2 กิโลกรัมเท่านั้น) ตัวเลขดังกล่าว ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการบริโภคอาหารทะเลสูงที่สุด ติด 6 อันดับแรกในบรรดาประเทศใหญ่ๆทั้งหมด สิ่งสำคัญคือ อาหารประเภทปลาของพวกเขาที่กลุ่มการค้าและข้าราชการให้ความสำคัญกันนั้น จะเป็นสิ่งทีช่วยต่อต้านการบริโภคที่ลดลงในหมู่เยาวชนญี่ปุ่น

ประโยน์ที่ดีที่สุดที่จะได้รับในการทานปลาก็คือ: คนที่ทานปลา จะอยู่ได้นานกว่าคนที่ไม่ทาน การบริโภคปลาเป็นอาหารลดอัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจลงได้ 36% ที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือผู้สูงอายุที่มีระดับกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่มากขึ้นเนื่องจากการบริโภคปลาที่มีไขมันสูง จะมีอายุยืนเฉลี่ย 2.2 ปี มากกว่าคนที่มีระดับกรดไขมันนี้ต่ำ นอกจากนี้อาหารที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาไขมันจะช่วยยกระดับอารมณ์และป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งบางชนิดและการอักเสบอีกด้วย

นักวิทยาศาสตร์แนะนำให้ทานปลาที่มีไขมันเยอะๆ เช่นทูน่าหรือแซลมอน ทุกอาทิตย์ ถ้าให้ผลดีที่สุด ควรนำไปย่างหรืออบเอาจะอร่อยขึ้น


แต่พวกเขาก็ยังโปรดปรานกับอาหารทะเลชนิดอื่นๆอยู่นะ

ตามรายงานของสหประชาชาติ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่น มีการบริโภคสาหร่ายประมาณ 100,000 ตันต่อปี และยังไม่เรื่องมากในเรื่องการแยกชนิดของสาหร่ายอีกด้วย ทานหมด ในญี่ปุ่นมีการใช้สาหร่ายมากถึง 20 สายพันธุ์มาปรุงเป็นอาหาร อันที่จริง ประชาชนที่อาศัยอยู่แถบเกาะโอกินาวะ ทางตอนใต้สุดของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของผู้ที่ทานอาหารทะเฃมานับร้อยนับพันจานว่า พวกเขาทานสาหร่ายทะเลเป็นอาหารกันบ่อยครั้งที่สุด มากกว่าที่ใดในโลกเสียด้วยซ้ำ

โอเค, แต่การทานสาหร่ายกันเนี่ย มันดีต่อตัวคุณจริงหรอ??? ทุกอย่างมันชี้ไปที่คำตอบว่า “ใช่ มันดีจริงๆ” กันหมด น่าแปลกใจจริงๆ สาหร่ายแบบแพคจะประกอบไปด้วยโปรตีน 2 และ 9 กรัมต่อหนึ่งถ้วยตวง และบางชนิดมีโพแทสเซียมมากกว่าในกล้วยอีกด้วย แถมมันยังมีไอโอดีน ที่เป็นประโยชน์ต่อต่อมไทรอยด์ อีกทั้ง นักวิจัยของฮาวาร์ดได้ตั้งทฤษฎีว่า การที่สาหร่ายมีคุณสมบัติในการควบคุมระดับเอสโตรเจน และเอสไตรออลได้เนี่ย อาจทำให้ประชากรในประเทศที่เป็นหมู่เกาะ มีอัตราการป่วยด้วยโรงมะเร็งเต้านมน้อยกว่าประเทศแถบอื่น (พวกมันยังช่วยบรรเทาอาการของ PMS ได้อีกด้วย)

ถ้าคุณไม่ชอบรสชาติของมัน ทางเลือกที่หลากหลายเปิดให้คุณเลือกแล้ว (ดู: สาหร่ายพาสต้า) กล่าวได้ว่า สาหร่ายทะเลมีสารอาหารที่หนาแน่น จึงอาจมีผลข้างเคียงได้ จึงต้องมีการกำหนดการรับประทานให้เหมาะสม โดยควรบริโภคแค่ 2 ช้อนโต๊ะต่อสัปดาห์ แต่อย่ากังวลมากไป ซูชิโรลยังเป็นของดีที่คุณยังอร่อยกับมันได้อยู่

พวกเขาร้องเพลงในช่วงงานอดิเรกแห่งชาติ

นักท่องเที่ยวอาจตกใจจำนวนร้านคาราโอเกะที่มีอยู่มากมาย ทุกหนแห่งในญี่ปุ่น ในปี 2010 อุตสาหากรรมคาราโอเกะในญี่ปุ่นครองแชมป์ทำเงินไปกว่าหมื่นพันล้านเหรียญ (ปีเดียวกันกับที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทำเงินไปถึง 2.66 พันล้านเหรียญ) บิ๊ก เอ็คโค่ คาราโอเกะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทำการเปิดสาขาไปทั่วประเทศแล้วกว่า 229 สาขา

เอาล่ะ ข่าวดีสำหรับนักร้องไมค์ทองทั้งหลาย: คาราโอเกะดีสำหรับคุณ ในงานศึกษาของปี 2009 ซึ่งมีผู้เข้ารับการรักษาเกือบ 20,000 คน นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแพทย์ เอฮิเมะ และมหาวิทยาลัยโอซาก้าพบว่าการดื่มสุราแต่พอดีกับเพื่อนๆช่วยให้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น

หนึ่งคำ: การหมัก

เราไม่ได้มาพูดถึงสาเกกันนะ (แม้ว่ามันจะมีหลักฐานสนับสนุนว่า มันอาจมีประโยชน์เมื่อถูกดูดซึมในปริมาณที่เหมาะสมก็ตาม) ไม่, อาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อในเรื่องของการหมัก ไล่ตั้งแต่ ซึเคะโมโนะ ที่มีสีสันสวยงาม หรือเครื่องเคียงที่เป็นผักดอง ที่ถูกย้อมไปด้วยซอสถั่วเหลืองในทุกมื้อ  และเป็นที่แพร่หลาย ซึ่งโดยเฉลี่ย ชาวญี่ปุ่นบริโภคซอสถั่วเหลืองกันประมาณ 1.8 แกลลอนต่อปีเลยทีเดียว พวกเครื่องเคียงอย่างซอสถั่วเหลือง และซุปมิโสะ ก็ได้ผ่านกรรมวิธีการหมักแล้วทั้งสิ้น

คุรไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเพียงไม่กี่ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มประโยชน์และคุณค่าทางอาหารหรอก แค่คุณใส่ซอสมิโสะลงไปในอาหารของคุณ และเอร็ดอร่อยกับมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพและรสชาติดีได้เลย

ญี่ปุ่นนิยมเขียวขจี

คุณอาจคิดว่าหมู่เกาะทั้งหมดนั้น ถูกเมืองน้อยใหญ่ทั้งหลายครอบคลุมไปหมดแล้ว แต่รู้ไว้เถอะ มันยังมีพื้นที่สีเขียวอยู่ บางส่วนของประเทศนั้นเป็นป่าดิบชื้น ทำให้เกิดความสวยงาม ไม่แปลกใจเลยที่ความเคารพต่อธรรมชาติได้ฝังรากลึกเข้าไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่น

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยึดมั่นในความรักในรูปแบบธรรมชาติโดยกำหนดขึ้นเป็นนโยบายใหม่ เมื่อได้รับอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการในวันที่ 16 วันภูเขาแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่เฉลิมฉลองตามชื่อนั่นแหละ และนักภูมิปัญญาชาวญี่ปุ่นได้ทำสถิติใหม่ในการปีนเขา (ใช่แล้ว คนแก่อายุ 80 ปีนเขาเอเวอเรสต์ เอาซะรู้สึกผิดเลยที่นั่งแช่อยู่กับโซฟาทั้งวัน) นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังเป็นผู้บุกเบิกการรักษาป่าไม้ ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่เข้ากันดีกับพื้นที่สีเขียว

การใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้ประโยชน์แก่สุขภาพเป็นอย่างมาก อวัยวะเกือบทุกส่วนในร่างกายของคุณเป็นแหล่งเพิ่มพลังงานให้กับวิตามินดี และป้องกันไม่ให้ได้รับสารอาหารแปลกๆที่นำไปสู่โรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง และโรคข้ออักเสบ ยังไม่พอ งานวิจัยเผยว่าการใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ช่วยพัฒนา เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้ถึง 20% และ 50% ขอคารวะเลย

ดังนั้น แม่คุณสั่งให้ทำอะไรก็ทำเสีย และออกไปสูดอากาศข้างนอกซะ

พวกเขามห้องอาบน้ำที่ดีที่สุด

การอาบน้ำถือเป็นเรื่องจริงจังมากในญี่ปุ่น สำหรับใครที่เคยไป เซนโตะ หรือ ออนเซ็น มาแล้วก็น่าจะเล่าให้คุณฟังได้ ว่าการอาบน้ำ การแช่น้ำนั้น เป็นการผ่อนคลายร่างกายที่ดีที่สุด ประมาณ 85% ของคนญี่ปุ่นจะชอบใช้เวลาที่มีทิ้งไปกับการอาบน้ำ แถมในปี 2010 มีผู้มาใช้บริการอาบน้ำสาธารณะนี้ ทั้งในและนอกประเทศ มากถึง 128 ล้านคนเลยทีเดียว

ดูเหมือนว่า พวกเขาอาจค้นพบบางสิ่งบางอย่าง นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นยืนยันว่า อาบน้ำในน้ำแร่สามารถรักษาโรคไขข้ออักเสบ ความผิดปกติของผิวหนัง และโรคประสาทได้ และถ้าคุณชอบใช้เวลาในการอาบน้ำเพื่อทำสมาธิในชีวิตประจำวัน อย่างพวกเราแล้วเนี่ย เป็นปรโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกันนะ: สองในสามของผู้ป่วยที่ทำสมาธิในลักษณะนี้ ทำให้ความดันโลหิตในตัวพวกเขาลดต่ำลง

ญี่ปุ่นมักหาเวลาเพื่อจิบชาเสมอ

พิธีชงชาเป็นพิธีที่สวยงามของประเทศนี้ ประเพณีนี้ ซึ่งได้รับการศึกษามาหลายปีโดยผู้เชี่ยวชาญ มักจะจัดกันในตึกอาคารที่มีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายกับกระท่อมของฤาษี แนวคิดก็คือการนำจิตใจให้ละชีวิตประจำวันที่ยุ่งเหยิงไปชั่วครู่ และดื่มด่ำกับความสงบตรงหน้า

แม้จะมีพิธีกรรมเฉพาะเจาะจง แต่การดื่มชาก็เป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นเช่นกัน พฤติกรรมนี้ทำให้พวกเขาอยู่ในกลุ่มประเทศที่ดื่มชาสิบอันดับแรก นำหน้าเพื่อนบ้านที่ใหญ่โตอย่างจีน ชาส่วนใหญ่ที่ดื่มกันในญี่ปุ่นจะมีสีเขียว ในความเป็นจริง ถ้าไม่มีการคัดเลือกเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ คำว่า “ชา” ในภาษาญี่ปุ่นก็แปลว่า “สีเขียว” อยู่แล้ว

ชาเขียวไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น (คุณเคยลอง ไอศกรีมชาเขียวกันยัง?) แต่ยังมีคุณประโยชน์มหาศาลอีกด้วย งานศึกษาได้เชื่อมโยงการดื่มชาเขียวไว้ว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็ง และยกระดับความสามารถในการรับรู้ให้สูงขึ้นอีกด้วย

สิ่งสุดท้ายที่ชาวญี่ปุ่นจะสอนคุณได้น่ะรึ? ทำตัวงี่เง่าบ้างก็ได้

โอเค เราไม่มีข้อมูล หรือสถิติมาสนับสนุนเรื่องนี้ล่ะนะ เราสามารถชี้ชัดให้คุณได้ว่า ลองไปดูหนังโฆษณาของญี่ปุ่นดู ว่ามันตลก งี่เง่าขนาดไหน ไม่ใช่แค่หนังโฆษณาอย่างเดียว มิวสิกวิดิโอ และรายการเกมโชว์ก็ด้วย รวมทั้งเรื่องเหลวไหลในรายการ “Is It Candy Or An Everyday Object?” หรือรายการ “marshmallow game.”

นักหัวเราะเพื่อสุขภาพได้ให้ค่าว่า เอ่อ… อืม…. ช่าวงพวกเขาเถอะ เอาเป็นว่า การหัวเราะช่วยให้คุณหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งมันทำหน้าที่เพิ่มความต้านทานต่อความเจ็บปวด บรรเทาภาวะซึมเศร้า และยังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย ฉะนั้นหัวเราะออกมาเลย!!!